วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ประวัติพี่แบ๊งวงแคลช
ชื่อ - นามสกุล : ปรีติ บารมีอนันต์
ตำแหน่ง : ร้องนำ ( วง CLASH )
สังกัด : UP ^ G
วัน/เดือน/ปีเกิด : 20 ตุลาคม 2525
เชื้อชาติ/สัญชาติ : ไทย/ไทย
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 178 ซม. / 64 กก.
พี่น้อง : 2 คน ( เป็นคนที่ 1 )
การศึกษา : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
อุปนิสัย : ร่าเริง, สนุกสนาน
ของสะสม : แสตมป์
งานอดิเรก : ฟังเพลง
กีฬา : ฟุตบอล
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ : สุนัข
อาหารจานโปรด : มีหลายอย่าง…
แนวเพลงที่ชอบ : ROCK
นักร้องที่ชอบ : SILLY FOOLS
บรรยากาศที่ชอบ : เย็นหลังฝนตก
คติประจำใจ : พัฒนาตัวเองเสมอ
ผลงานด้านโฆษณา : ปตท.พีทีที 4 ที ชาเลนเจอร์ ปี 2546มอเตอร์ไซด์ YAMAHA - รุ่น MIO AUTOMATIC ปี 2546 - 47
ผลงานการแสดง : ภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว/ ปี 2547
ผล งานการร้องเพลง : - อัลบั้มที่ 1 : ONE / ปี 2544- อัลบั้มที่ 2 : SOUND SHAKE / ปี 2546- อัลบั้มที่ 3 : BRAIN STORM / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : SOUND CREAM / ปี 2546- อัลบั้มพิเศษ : เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : PACK 4 Vol. 1-2 / ปี 2547
รางวัล ที่เคยได้รับ : - ปี 2542 รองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวด HOT WAVE MUSIC AWARDS ครั้งที่ 3 - ได้รับรางวัลเพลงร็อคยอดเยี่ยม เพลง LOVE จากงานประกาศรางวัลสีสัน - อะวอร์ด ครั้งที่ 14 ประจำปี 2544 จัดโดยนิตยสารสีสัน - ปี 2547 ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำในการรณรงค์ - เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาโรคเอดส์ โดยได้รับมอบเข็มกลัดและตราสัญลักษณ์การประชุม - รูปช้างเผือก 3 เชือก
25 ธันวาคม วันคริสต์มาส
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ru.ac.th , educatepark.com และทางอินเทอร์เน็ต
ถึงช่วงปลายปีทีไร ชาวไทยเราก็มีเรื่องฉลองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่หรือวันคริสต์มาสที่กำลังจะเข้ามาถึง แม้ว่าวันคริสต์มาสนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนไทยที่นับถือศาสนา พุทธสักเท่าไร แต่พี่ไทยซะอย่าง ฉลองได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะไปฉลองกัน ลองมารู้จักกับวันคริสต์มาสก่อนดีไหม
ตำนานวันคริสต์มาส
คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดย พระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้ง อาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร
ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริย เทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย
เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม
องค์ประกอบในงานคริสต์มาส
ซานตาครอส
เป็น สิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี
นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติ ของเขา
ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง
ถุงเท้า
จากที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของบ้านเด็กหญิงยากจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้หน้าเตาผิง พอรุ่งเช้าเด็กหญิงตื่นมาเจอเหรียญเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ผู้คนมากมายต่างพากันแขวนถุงเท้าคริสต์มาส ไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้าง
ต้นคริสต์มาส
นอกจากนี้อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งต้นคริสต์มาสก็คือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยลูกแอปเปิ้ลและขนมปัง เพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท และก็ได้มีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยจนมาถึงการประดับด้วยดวงไฟหลาก สีสัน ขนม และของขวัญ อย่างในทุกวันนี้ การตกแต่งแบบนี้ต้องย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก
โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก และอีกเหตุผลที่ใช้ต้นสนก็เพราะว่ามันหาง่าย
ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
ต้นฮอลลี่
ต้นฮอลลี่ เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ย และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส เชื่อกันว่า สีเขียวของต้นฮอลลี่มีความหมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และมีความสัมพันธ์กับพระเยซู โดยผลสีแดงของต้นฮอลลี่นั้นหมายถึงหยดเลือดของพระเยซูที่ไหลลงบนไม้กางเขน ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความรักที่มีต่อพระเจ้า ใบไม้ที่มีหนามของต้นฮอลลี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราถึงมงกุฏหนามที่พวกชาว ทหารโรมันได้นำมาวางไว้บนศีรษะของพระเยซูคริสต์
ดอกไม้คริสต์มาส หรือ Poinsettia
ตำนาน ของดอก Poinsettia ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันคริสต์มาส มาจากเรื่องราวของเด็กหญิงจนๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการหาของขวัญไปมอบให้พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ แต่เนื่องจากเธอไม่มีสิ่งของใดๆ ติดตัว จึงเดินทางไปตัวเปล่า และระหว่างทางเธอได้พบกับนางฟ้าที่บอกให้เธอเก็บเมล็ดพืชไว้ ต่อมาเมล็ดพืชนั้นกลับเจริญเติบโตเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ซึ่งก็คือดอก Poinsettia ตั้งแต่นั้นดอก Poinsettia ก็ได้รับความนิยมใช้ประดับประดาบ้านในงานคริสต์มาส
ดอกคริสต์มาส Christmas Rose
มี ต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ ลักษณะเป็นดอกสีขาว และมักออกดอกในช่วงฤดูหนาว ตำนานของดอกคริสต์มาสนี้มีอยู่ว่า ในช่วงที่พระเยซูประสูติ มีผู้รอบรู้ 3 คน กับคนเลี้ยงแกะเดินทางมาพบพระเยซู ระหว่างทางพวกเขาพบกับ มาเดลอน เด็กหญิงที่เลี้ยงแกะคนหนึ่ง เมื่อเธอทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญให้พระเยซู มาเดลอนก็เสียใจที่ไม่มีของขวัญใดไปมอบให้พระเยซูบ้าง ก่อนที่นางฟ้าที่เฝ้ามองเธออยู่จะเกิดความเห็นใจจึงร่ายมนตร์เสกดอกไม้สีขาว น่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรงปลายกลีบให้เธอ และดอกไม้นั้นคือ ดอกคริสต์มาสนั่นเอง
เพลงวันคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 แต่งโดยพระสงฆ์และฆราวาส มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่
เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เพราะมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดีในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night
ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้องไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ นำไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber) ใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง และเล่นเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
คำอวยพรวันคริสต์มาส
ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำอวยพรให้แก่กันและกันว่า Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า "สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษที่ 4 และค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
สีประจำวันคริสต์มาส
สีที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาสประกอบด้วย
สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็นสัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี
สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาตื หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง
สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สีขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของซานตาครอส
สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว
การทำมิสซาเที่ยงคืน
การถวายมิสซานี้เกิดขึ้นหลังจากพระสันตะปาปาจูลีอัสที่ 1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) ในปีนั้นเองพระองค์และสัตบุรุษ ได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยังตำบลเบธเลเฮม และไปยังถ้ำที่พระเยซูเจ้าประสูติ เมื่อไปถึงตรงกับเวลาเที่ยงคืนพอดี พระสันตะปาปาทรงถวายบูชามิซซา ณ ที่นั้น เมื่อเดินทางกลับมาที่พักได้เวลาตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้ง และ สัตบุรุษเหล่านั้นก็พากันกลับ แต่ยังมีสัตบุรุษหลายคนไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วยในตอนแรก พระสันตะปาปาก็ทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อสัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืน ในวันคริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ในโอกาสวันคริสต์มาส
เทียนและพวงมาลัย
พวงมาลัยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่คนสมัยก่อนใช้หมายถึงชัยชนะ แต่สำหรับการแขวนพวงมาลัยในวันคริสต์มาสนั้นหมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิด ในโลก และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า ซึ่งธรรมเนียมนี้เกิดจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศเยอรมันได้เอากิ่ง ไม้มาประกอบ เป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น ในตอนกลางคืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะจุดเทียนหนึ่งเล่ม สวดภาวนา และร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกันเป็นเวลา 4 อาทิตย์ก่อนถึงวันคริสต์มาส ประเพณีเป็นที่นิยมอยางมากในประเทศอเมริกา ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเทียน 1 เล่มนั้นมาจุดไว้ตรงกลางพวงมาลัยสีเขียว และนำไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง เพื่อเป็นการเตือนให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้ว่าใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว ส่วนเหตุผลที่พวงมาลัยมีสีเขียวนั้น เป็นเพราะมีการเชื่อกันว่าสีเขียวจะช่วยป้องกันบ้านเรือนจากพวกพลังอันชั่ว ร้ายได้
ระฆังวันคริสต์มาส
เสียงระฆังในวันคริสต์มาสคือการเฉลิมฉลองให้กับการประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมีตำนานเล่าว่า มีการตีระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสเพื่อลดพลังความมืด และบ่งบอกถึงความตายของปีศาจ ก่อนที่พระเยซูผู้ที่จะมาช่วยไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น และระฆังนี้มีเสียงดังกังวาลนานนับชั่วโมง ก่อนที่ในเวลาเที่ยงคืนเสียงระฆังนี้จะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข
ดาว
ดาว ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึงการแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star" มีความหมายพิเศษเหมือนกับว่า ดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่อยู่กับสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกำแพงอะไรขวางกั้นระหว่างพื้นผิวโลกด้วยก็ตาม
เครื่องประดับและแอปเปิ้ล
ในบางแห่งเชื่อว่า ลำต้นของแอปเปิ้ล มองดูคล้ายกับต้นไม้ในสรวงสวรรค์ จึงมีการนำเอาแอปเปิ้ลมาประดับตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส ส่วนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่ตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้นเป็นงานศิลปะที่จำลองจากผลไม้ และที่มีสีสันสดใสนั้นเพื่อให้เกิดความรื่นเริงในบ้าน อีกทั้งแสงระยิบระยับที่สะท้อนไปมา ยังดูสวยงามคล้ายแสงเทียนและแสงไฟ
ของขวัญวันคริสต์มาส
การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสนั้น เริ่มต้นจากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน ต่อมาชาวคริสต์รับประเพณีนี้เข้ามา ด้วยความเชื่อว่า การให้ของขวัญนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง, ยางสนที่มีกลิ่นหอม และ ยางไม้หอม ซึ่งพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดินทางมาคารวะพระเยซูคริสต์ นำมาให้ตอนที่ท่านประสูติ
ทั้งหมดนั้นก็คือการเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู ที่เกิดมาเพื่อชำระบาปให้แก่ชาวคริสต์ทั้งหลาย และเป็นเทศกาลที่นำความสุข สนุกสนาน มาสู่หมู่มวลมนุษย์
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เบอร์โทรมรณะ ทำนักศึกษาป่วย
เบอร์โทรมรณะ ทำนักศึกษาป่วย
เรียบเรียงและสรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์
หนึ่ง ในฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ยังคงส่งต่อถึงกันตั้งแต่หลายปีก่อน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หมดไป และสร้างความฉงนให้กับผู้รับเป็นอย่างมาก นั่นคือ เรื่อง เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย ที่มักจะมีคนเขียนข้อความทำนองว่า "อย่ารับเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้เป็นอันขาด เพราะคุณอาจเสียชีวิตได้" จนมีผู้เรียกขานเบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหล่านั้นว่า เบอร์มรณะ แม้กระทั่งภาพยนตร์เรื่อง 999-9999 ต่อ - ติด - ตาย ก็ยังมีพล็อตกล่าวถึง เบอร์มรณะ เช่นกัน ทำให้หลายคนสงสัยว่า จริง ๆ แล้ว เบอร์มรณะ มีจริงหรือแกล้งกันเล่นแน่
ล่าสุด กระแสข่าว เบอร์มรณะ กำลังถูกกระพืออีกครั้งผ่านปากต่อปากในหลายจังหวัดของภาคเหนือ โดยมีเสียงโจษจันต่อ ๆ กันมาว่า "ระวัง! ห้ามรับโทรศัพท์เบอร์ 083336xxxx , 083336xxxx , 083333xxxx เด็ดขาด เพราะคุณจะจบชีวิตลงแน่นอน" พร้อมกับระบุว่า มีหลายคนที่เสียชีวิตอย่างปริศนาจาก เบอร์มรณะ รับโทรศัพท์แล้วตาย นี่มาแล้ว
นอกจากนี้ ข่าวลือยังระบุอีกว่า เบอร์มรณะ ที่โทรศัพท์เข้ามาจะโชว์เป็นเบอร์สีแดง โดยทุกคนที่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์สีแดง จะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีการอ้างว่า หลายจังหวัดในภาคเหนือมีผู้เสียชีวิตจาก เบอร์มรณะ มาหลายคนแล้ว โดยมีอาการแก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง
ทั้ง นี้มีรายงานว่า นายปุ๊ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ชั้นปีที่ 3 ของสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ตกเป็นเหยื่อเบอร์โทรศัพท์มรณะจนล้มป่วยนอนซมอยู่ที่ รพ.ห้างฉัตร เมื่อผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบ ก็พบว่านายปุ๊อยู่ในชุดคนไข้นอนซมอยู่บนเตียง ภายในตึกผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยสามัญชาย สภาพมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง และมีนางแก้ว (นามสมมติ) มารดา นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ด้วยความห่วงใย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปาก แต่นายปุ๊ปฏิเสธที่จะเล่าให้ฟังพร้อมมีสีหน้าหวาดผวาเล็กน้อย โดยให้เหตุผลว่ายังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น พอนึกถึงหรือพูดถึงที่ไร จะมีอาการแข้งขาชา แน่นหน้าอกหายใจติดขัด อย่างไรก็ดี นายปุ๊ได้ให้มารดาเล่าให้ฟังแทน
นางแก้วเปิดเผยว่า ลูกชายเล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ ผ่านมา ขณะนั่งเล่นอยู่ในห้องบนบ้าน เพื่อนคนหนึ่งก็โทรฯ เข้าโทรศัพท์มือถือลูกชาย หลังคุยกันได้ 2-3 นาที ก็วางสายไป คราวนี้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ลูก ชายก็คิดว่าเป็นเพื่อนคนเดิมโทรฯ มา แต่พอรับสายยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็มีเสียงคล้ายคนสวดมนต์เป็นภาษาบาลี หรือภาษาอะไรไม่แน่ใจ สำเนียงเนิบ ๆ ช้า ๆ น่าขนลุก พอฟังไป ได้แป๊บเดียวลูกชายก็มีอาการขนลุกวาบตัวชา รุ่มร้อนเหมือนร่างกำลังถูกไฟเผาทั้งเป็น จึงรีบโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง และวิ่งหน้าตาซีดเซียวลงมาหาบิดา พยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่กลับพูดจาไม่ได้ศัพท์ บิดาจับตัวดูเห็นตัวเย็นเฉียบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และดวงตาลุกวาวเหมือนหวาดกลัวอะไรอย่างหนัก จึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ อปพร.ของ อบต.หนองหล่ม นำตัวส่ง รพ. แพทย์พาตัวเข้าห้องฉุกเฉินฉีดยาและให้น้ำเกลือ พร้อมให้นอนรักษาตัวเพื่อรอดูอาการ ตนจึงมาเฝ้าดูแลลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังนางแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเสร็จ นายปุ๊ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ตอนที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ ก็นึกถึงข่าวลือเรื่องเบอร์โทรฯ มรณะขึ้นมาทันที ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนคนเดิมโทรฯ มาแกล้ง แต่พอโทรฯ สวนกลับไป ปรากฏว่าไม่ใช่และไม่มีคนรับสายด้วย พร้อมกันนี้นายปุ๊ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ฯ ดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วย
อย่าง ไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นพ.ศิริชัย ภัทรนุภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำปาง โดยได้ให้ความเห็นว่า นักศึกษาคนดังกล่าวอาจเกิดอาการคล้ายอุปาทานหมู่ที่เคยเกิดขึ้น กับเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ โดยเพื่อนอาจจะโทรฯ มาล้อเล่น จนเกิดหวาดกลัวอย่างหนัก แต่คง ต้องดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รวมทั้งหากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ จึงขอเตือนผู้ที่นำเรื่องนี้มากลั่นแกล้งกัน ว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ สำหรับเรื่อง เบอร์มรณะ นั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สกทช.) กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างมาก ขนาดที่บางหมู่บ้านตื่นตระหนก จนมีการปิดโทรศัพท์มือถือหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
"จากการตรวจสอบเลขหมายที่ปรากฏเป็นข่าวพบว่า เป็นเลขหมายระบบเติมเงินในเครือข่ายเอไอเอส 3 เลขหมายและรายเดือน 1 เลขหมาย แต่ทั้ง 4 หมายเลขมีผู้ใช้บริการอยู่ และต้องเดือดร้อนคอยรับโทรศัพท์จากผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสอบถามข้อเท็จ จริง เป็นการรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง จนบางรายต้องปิดเครื่องตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้แต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดการโทรไปที่หมายเลขที่เป็นข่าว"
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า ข่าวลือดังกล่าวกำลังลามไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกประเด็นล้วนไม่มีมูลความจริง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการปล่อยไวรัสผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้เครื่องระเบิด หรือปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงทำให้แก้วหูทะลุ เพราะหากเป็นไวรัสจะ มีผลทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือหยุดทำงานเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ระเบิดได้ และปัญหาไวรัสจะเกิดได้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น อีกทั้งการระเบิดของโทรศัพท์มือถือจะเกิดจากส่วนแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการเพิ่มชิปเพื่อป้องกันการลัดวงจรของแบตเตอรี่แล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องการส่งคลื่นเสียงทำให้แก้วหูทะลุนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เพราะแก้วหูจะทะลุได้ไม่ขึ้นกับความถี่แต่ขึ้นกับความดังของ เสียง คือประมาณ 160 เดซิเบล ขณะที่ลำโพงโทรศัพท์มือถือไม่สามารถส่งเสียงดังในระดับนั้นได้ หรือแม้แต่เครื่องสลายการชุมนุมด้วยคลื่นเสียงที่ราชการใช้อยู่ ก็ดังสูงสุดที่ 151 เดซิเบลเท่านั้น การส่งคลื่นเสียงผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้แก้วหูทะลุจึงเป็นไปไม่ได้
นอก จากนี้ ผอ.สบท.ยังเตือนว่า การโพสต์เลขหมายตามข่าวลือในอินเทอร์เน็ตหรือส่งต่อทางอีเมล์เป็นการสร้าง ความเสียหายให้กับผู้ใช้บริการเลขหมายดังกล่าว และตรวจสอบแล้วเป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ผู้ที่นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวตอร์ ผู้ที่เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อความเกี่ยวกับเบอร์อันตรายรับแล้วตาย ซึ่งเป็นความเท็จ และทำให้เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ถูกรบกวนสิทธิ และได้รับเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จึงมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ม. 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท และมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 326
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่อง เบอร์มรณะ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แพร่สะพัด ว่า หากผู้ใดรับโทรศัพท์ที่มีเบอร์แปลก ๆ ที่ลงท้ายหรือขึ้นต้นด้วยเลขตอง เช่น 081-333 xxxx หรือ 083-xxxx 444 หรือเบอร์โทรฯ ที่ตัวเลขเป็นสีแดงโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ผู้รับจะช็อกตายอย่างไม่ทราบสาเหตุทันที และลือกันว่าที่ผ่านมามีคน เสียชีวิตไปแล้วหลายรายในหลายหมู่บ้านทางภาคเหนือ โดยข่าวลือดังกล่าวได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการบอกเล่าปากต่อปาก และโทรศัพท์บอกกันเป็นทอด ๆ ในเหล่าบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
นางนวล (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องเบอร์โทรฯ ที่ชาวบ้านร่ำลือกัน จนทำให้หวาดระแวงไปทั่วอำเภอนั้น ตนก็รู้ข่าวมาจากญาติที่อยู่ใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ โทรศัพท์มาบอกว่า คนในหมู่บ้านที่นั่นได้รับโทรศัพท์หมายเลขแปลก ๆ ที่โทรฯ เข้ามา พอรับโทรศัพท์ได้สักพักจะเกิดอาการชักกระตุก หน้าเขียวซีด และเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา ทั้งที่ปกติแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี นอกจากนี้บางรายพอรับโทรศัพท์มรณะปุ๊บจะล้มลงและเสียชีวิตทันที
ทั้ง นี้ ไม่เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.ไชยปราการ เท่านั้น ในเขตพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็มีข่าวลือเช่นเดียวกันนี้แพร่กระจายอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ทุกคนในอำเภอตอนนี้ต่างก็โทรศัพท์ไปหาญาติพี่น้อง และลูกหลานที่มีโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์บ้าน ว่าหากมีใครโทรฯ มาหรือเบอร์แปลก ๆ อย่ารับสายเด็ดขาด ซึ่งตนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหน แต่รู้ต่อ ๆ กันมาว่ามีคนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน แม้กระทั่งในต่างจังหวัด เช่นที่ จ.ลำปาง จ.น่าน และ จ.พะเยา ก็มีเรื่องในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน
ด้านนางสาวเมย์ (ไม่มีนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวไทยใหญ่ บ้านอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนมาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ และเมื่อไม่นานมานี้แม่ซึ่งอยู่บ้านที่ อ.ฝาง ได้ลงจากดอยและโทรศัพท์มาบอกว่า หากมีเบอร์แปลก ๆ ที่ขึ้นต้นด้วยเลขตองตั้งแต่ 000-999 อย่ารับสายเด็ดขาด ถ้ารับแล้วจะตาย ตอนนี้กลุ่มไทยใหญ่ก็ตายไปแล้วหลายคน ซึ่งตนได้จดเบอร์แปลกต่าง ๆ ที่แม่บอกไว้ใส่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา และตอนนี้รู้สึกกลัว ไม่กล้ารับโทรศัพท์มือถืออีกเลย หากไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย หรือเบอร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะตายจริง ๆ
" ตอนนี้ในกลุ่มไทยใหญ่ร่ำลือกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ อาจจะเป็นเบอร์ของคนตายที่ตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง พอรับปุ๊บก็จะมีลักษณะคล้ายโดนไฟฟ้าช็อต หรือมีคลื่นความถี่บางอย่างเข้ามาที่หูอย่างแรง ทำให้แก้วหูแตกถึงขั้นหมดสติ และเลือดคั่งในสมองจนตาย" สาวชาวไทยใหญ่ กล่าว
ขณะ ที่ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ลำปาง รายงานว่า ขณะนี้หลายอำเภอทั่วทั้ง จ.ลำปาง มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีคนเสียชีวิตหลายราย หลังจากรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง เบอร์มรณะ โทรฯ เข้ามา โดยเฉพาะ บ้านไร่ หมู่ 4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 3 รายนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อ เท็จจริงไปที่นายชำนาญ เลียบโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง ระบุว่า ข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่จากการสำรวจพบว่าชาวบ้านเกิดความกลัว และมีความเชื่อในเรื่องเบอร์มรณะจริง
" ข่าวลือเบอร์โทรศัพท์อันตรายนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่เมื่อมีข่าวลือมาจะไปบังคับให้แต่ละคนไม่ให้เชื่อก็เป็นไปไม่ได้ แต่ควรใช้วิจารณญาณด้วย อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามีข่าวลือจริง และชาวบ้านในอำเภอเมืองปานก็พากันหวาดกลัวเบอร์โทรฯ มรณะนี้ โดยบางคนเชื่อว่าเมื่อรับเบอร์โทรฯ มรณะ จะมีการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านโทรศัพท์มายังผู้รับจนทำให้เสียชีวิต ซึ่งในเรื่องนี้ผมจะได้รายงานไปยังฝ่ายปกครองให้ได้รับทราบว่า ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ด้วยสาเหตุจากข่าวลือดังกล่าวแต่อย่างใด" นายก อบต.หัวเมือง กล่าว
ด้านที่จังหวัดแพร่่ เกิดกระแสข่าวลือ เบอร์มรณะ 3 หมายเลขคือ 087-576XXXX 08-3333-xxxx และ 08-9336-xxxx ถ้าใครรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าว จะต้องชะตาขาดเสียชีวิตทันที โดยลือว่าที่ จ.น่าน มีผู้รับเบอร์โทรฯ มรณะจนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 40 ราย แถมล่าสุดมีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีเสียงตามสายของงานประชาสัมพันธ์วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ประกาศเตือนนักศึกษาให้ระมัดระวัง อย่ารับโทรศัพท์ทั้งสามหมายเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางผู้อำนวยการของวิทยาลัยดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าทางวิทยาลัยไม่ได้ประกาศเตือนนักศึกษา หรือบอกให้นักศึกษางดการรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่ขาดหลักการ และไม่มีเหตุผลเพียงพอให้น่าเชื่อถือได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ไปยัง เบอร์มรณะ ทั้ง 3 หมายเลข พบ ว่าหมายเลข 087-576XXXX มีผู้รับสายเป็นชาย แต่พูดสำเนียงภาษาไทยไม่ชัด โดยบอกว่าอยู่ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อสอบถามถึงกระแสข่าวลือดังกล่าว เจ้าของโทรศัพท์ได้ปิดโทรศัพท์ทันที และจากนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกเลย ส่วนอีก 2 หมายเลขพบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่มีในระบบของโทรศัพท์
เบอร์มรณะ
ขณะที่เมื่อได้ทดลองโทรติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ 08-333-6XXX ระบบปลายสายตอบกลับมาว่า "หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่ได้เปิดใช้บริการ" ส่วนอีก 2 เบอร์ คือ 08-3336-6XXX และ เบอร์ 0-83-3336XXX นั้น เมื่อลองกดไปปลายสายจะเงียบไปราว 1-3 วินาที หลังจากนั้นก็เป็นเสียง "กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ" สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่โทรไปเป็นอย่างมาก แต่บางจังหวะของเบอร์ทั้ง 2 ที่ว่ากลับเป็นสัญญาณสายไม่ว่าง
ทั้งนี้ ผู้ สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจพรีเพด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดีแทค และ แฮปปี้ ซึ่งนายธนากล่าวว่า ที่มีข่าวลือว่าเมื่อรับโทรศัพท์อาถรรพ์เบอร์ใดเบอร์หนึ่งใน 3 เบอร์จะทำให้แก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง และเสียชีวิตตามข่าวนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอน คิดว่ากอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
"ตั้งแต่ผมทำงานมาผมเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเคยเห็นแต่ในหนัง หนังสือการ์ตูน อย่างไรก็ดีจากที่ผมเช็คดูเบอร์ทั้งหมดเป็นโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ของเครือข่ายหนึ่ง แต่ได้ยกเลิกหมายเลยดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นขอให้ทุก ๆ คน อย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าเป็นแค่คนที่คึกคะนองเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องการตลาดหรือการกลั่นแกล้งของคู่แข่งนั้น ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้" นายธนา กล่าว
ด้าน นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอส และวันทูคอล ยอมรับว่า เบอร์โทรศัพท์ ดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ โดยใช้ระบบเติมเงิน ซึ่งขณะที่ปิดบริการไปแล้ว อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เนื่องจากทางระบบจะกำหนดว่าสามารถให้วอลุ่มของเสียงได้เท่าใด เพื่อไม่ให้ กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ
" ผมไม่คิดว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง น่าจะเป็นการส่งฟอร์เวิร์ดเมลของผู้ที่นึกสนุกเท่านั้น ส่วนถ้าหากเป็นการโปรโมตหนังหรือทำการตลาดขิงสินค้าใด โดยการมาใช้วิธีอย่างนี้ ผมคิดว่าไม่ดีนัก เพราะว่าเป็นการสร้างความตกใจให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สมควร" นายปรัธนา กล่าว
ด้านนางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณี เบอร์มรณะเช่น กันว่า บริษัท ขอเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากในทางเทคนิคโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่สามารถส่งผ่านคลื่นความถี่ ในช่วงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนได้
ขณะ ที่ นพ.เอาชัย กาญจนพิทักษ์ ศัลยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตา หู รพ.เวชธานี เปิดเผยว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ตามหลักการแพทย์นั้นเสียงโทรศัพท์ไม่สามารถทำให้คนแก้วหูแตกได้ การฟังเอ็มพี 3 ยังมีโอกาสจะทำให้แก้วหูได้รับผลกระทบมากกว่า
ในส่วน รศ.โกศล โอฬารไพโรจน์ หัวหน้าสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาภาคพายัพ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่มีกระแสข่าวลือไปทั่วภาคเหนือ ว่ามีเบอร์โทรศัพท์มรณะ หรือหมายเลขอันตราย เป็นเบอร์สีแดงโทรฯ เข้ามาเมื่อใครรับสายก็จะเสียชีวิตนั้น เรื่อง นี้ตามหลักทฤษฎีด้านวิศวกรรมของโทรศัพท์มือถือนั้น ก่อนที่ผู้ผลิตจะนำมือถือออกจำหน่าย จะต้องมีการทดสอบอุปกรณ์และความพร้อมของโทรศัพท์ก่อนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการจำกัดคลื่นเสียง ว่าสมควรให้ได้ยินในระดับไหน หากคลื่นความถี่เสียงสูงเกินไป ก็จะถูกอุปกรณ์ที่อยู่ภายในหรือตัวกรองความถี่เสียง ตัดเสียงดังกล่าวออกไป ดังนั้นเรื่องการรับโทรศัพท์แล้วทำให้เสียชีวิตนั้น คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีเบอร์โทรศัพท์อาถรรพ์ทำนี้ออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยเบอร์ที่ระบุว่าเป็นเบอร์อาถรรพ์แต่ละเบอร์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ที่สวย เช่น เบอร์เรียง และเบอร์ตอง โดยเคสที่ถือว่าเป็นเคสแรก ๆ ของเบอร์อาถรรพ์ ก็คือเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์นารายณ์ โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์เก่าแก่คนหนึ่งกล่าวกับเราว่า เมื่อก่อนมีคนโทรศัพท์ที่เบอร์นี้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคึกคะนอง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ขณะนี้หลายอำเภอทั่วทั้งจังหวัดลำปาง มีข่าวลือสะพัดจนหนาว่า มีคนเสียชีวิตจำนวนหลายราย หลังจากรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีหมายเลขมรณะโทรเข้ามา โดยเฉพาะ บ้านไร่ ม.4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง มี ชาวบ้านในหมทู่บ้านเสียชีวิต จำนวน 3ราย หลังจากนั้นผู้สื่อข่าว จึงเดินทางไปตรวจสอบและพิสูจน์ ข้อเท็จจริง ที่หมู่บ้านดังกล่าวทันที โดยมีนายชำนาญ เลียบโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เป็นคนพาผู้สื่อข่าวไปพิสูจ์ความจริง ปรากฏว่าข่าวมีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่จากการสำรวจแต่ละหมู่บ้าน มีชาวบ้านได้พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนเกิดความกลัว และมีความเชื่อจริง
โดยนายกฯ ได้พาไปยังร้านขายของชำ เลขที่ 69 บ้านไร่ ม.4 ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ซึ่งเป็นร้านของนาง ประนอม เจือจาน อายุ 40 ปี โดย นาง ประนอม กล่าวว่า ข่าวลือ ที่ว่าในหมู่บ้าน มีคนเสียชีวิต 3 ราย เนื่องจาก รับโทรศัพท์ทั้ง 3 เบอร์ คือ 083-3366867,083-3368567, 083-3336768 แล้วเสียชีวิต หลังรับโทรศัพท์ นั้น ตนขอยืนยันว่า ยังไม่คนเสียชีวิต แต่ก่อนที่ชาวบ้าน จะหวาดผวา เรื่องโทรศัพท์ ดังกล่าว มีชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่ทำงานอยู่ที่ตัวอำเภอเมืองปาน ปริ้นเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว ทั้ง 3 นำเบอร์ แล้วนำมาแจกให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะตามร้านค้า ร้านขายก๋วยเตี๋ยว เพื่อเตือนไม่ให้ชาวบ้านรับโทรศัพท์ ทั้ง 3 เบอร์ เป็นเบอร์โทรอันตราย ห้ามรับ นางประนอม กล่าวอีกว่า หลังจากติดไว้ที่หน้าร้าน ชางบ้านก็แห่กันมาดู และพากันหวาดผวา และหากมีเบอร์ แปลก โดยเฉพาะ 3 เบอร์โทรข้างต้น ซึ่งจะมี * (ดอกจันทร์ ) นำหน้า และตามด้วยเบอร์ ซึ่งจะเป็นสีแดงทั้งหมด หากขึ้นมาหรือโชว์เบอร์ขึ้นมา ชาวบ้านก็จะไม่รับ และกดทิ้ง บางคนก็ปิดโทรศัพท์หนีทันที ซึ่งทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ข่าวว่าหากใครรับโทรศัพท์เบอร์ดังกล่าว ก็จะเสียชีวิตทันที ทุกคนจึงหวาดผวากลัวตายกันทั้งหมู่บ้าน และจะไม่รับเบอร์แปลกๆ โดยเฉพาะ 3 เบอร์โทรข้างต้น
ด้านนางแสงระวี ศรีบุญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านชาวเขาเผ่าราหู่ ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ครั้งแรก มีครูที่โรงเรียน ได้เขียนเบอร์โทรติด แขนเด็กในหมู่บ้าน ให้มาบอกผู้ปกครองว่า เบอร์โทรที่ให้มาเป็นเบอรโทรอันตราย ที่หลาน ของครู พอรับโทรศัพท์แล้ว เกิดเสียชีวิตทันที พอเด็กในหมู่บ้าน มาบอกให้ผู้ปกครอง ก็ต่างพากันหวาดกลัว และมีบางคน เคยมีเบอร์โทรศัพท์ทั้ง 3 เบอร์ โทรเข้ามา แต่ทุกคนก็ไม่กล้ารับ และพากันปิดโทรศัพท์ไม่ใช้โทรศัพท์ทั้งหมู่บ้าน บางคนก็หักซิมทิ้ง ไม่ใช้เลย
นายชำนาย เลียบโลก นายกอบต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง กล่าวว่า ข่าวลือเบอร์โทรศัพท์อันตราย นี้ ก็ถือว่าเป็นความเชื่อของแต่ละคน ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่เมื่อมีข่าวลือมา จะไปบังคับให้แต่ละคนไม่ให้เชื่อ ก็เป็นไปไม่ได้ แต่ควรใช้วิจารณญาณ ซึ่งข่าวลือ นั้นเป็นจริงก็ได้หรือไม่เป็นจริงก็ได้ ก็แล้วแต่ความเชื่อแต่ละคน แต่ตนก็สอบถาม คนรู้จัก ก็ทราบว่า มีข่าวลือจริง และชาวบ้านในอำเภอเมืองปานก็ พากันหวาดกลัวเบอร์ โทรอันตรายนี้เช่นกัน
และ ไม่ควรรับสายโดเด็ดขาด เพราะเป็นหมายเลขมรณะ ซึ่งจะมีการปล่อยคลื่นความถี่สูงผ่านโทรศัพท์จนทำให้เสียชีวิตทันที อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ตนจะได้รายงานไปยังฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองปานให้ได้รับทราบว่ายังไม่มีผู้ เสียชีวิตในพื้นที่ เพื่อที่ทางอำเภอจะได้รายงานไปยังจังหวัดต่อไป
ด้านอำเภอต่างๆ ก็มีข่าวลือลักษณะนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอำเภอแจ้ห่ม อำเภองาว และ เสริมงาม เป็นต้น ซึ่งการรับเบอร์โทรศัพท์มรณะทั้ง 3 เบอร์ ก็จะ เสียชีวิตทันที ซึ่งทุกคนก็พากันหวาดกลัว และกลัวตายกันทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชาวลำปางยังคงพากันหวาดกลัวกับเบอร์โทร มรณะดังกล่าว นอกจากนี้ยังข่าวลือว่าหลายอำเภอมีคนเสียชีวิต แต่ยังไม่ใครออกมาระบุ แต่อย่างไรก็ตามหากมีคนเสียชีวิตผู้อสื่อข่าวจะได้เดินทางไปพิสูจน์ต่อไป